วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วัดมีไชย

วัดมีไชย
                      อยู่บนถนนไชยเชษฐาธิราช ทางไปหลวงพระบาง ซึ่งมีวัดใกล้บริเวณเดียวกัน 4 วัด เริ่มจากวัดมีไชย สร้างตามแบบศิลปะวัดไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ หน้าประตูมีรูปปั้นยักษ์ยืนเฝ้าประตู ภายในยังมีโรงเรียนประถม ศึกษาอีกด้วย
                      วัดองค์ตื้อ (วัดอิงตี้)

                      เป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ชาวลาว หลวงพระบาง นิยมมากราบไหว้ ด้วยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่คนลาวเรียก “พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ” สร้างสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช และทรงสร้างพระองค์ตื้ออีกองค์หนึ่งริมฟากแม่น้ำโขงอีกด้าน ปัจจุบันคือ วัดศรีชมพู อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย คำว่า “ตื้อ” หมายถึง มาตราวัดของลาว จากตำนานการสร้างที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช มีดำริจะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุด จึงเรี่ยไรทองแดงจากชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาในศาสนาพุทธได้ 1 ตื้อ (10 ชั่ง เป็นหมื่น 10 หมื่นเป็นแสน 10 แสนเป็นล้าน 10 ล้านเป็นโกฏิ 10 โกฏิ เป็นกือ 10 กือเป็นหนึ่งตื้อ) และมีเรื่องมหัศจรรย์ในขณะหล่อพระองค์ตื้อหลายเรื่อง จนถึงการเข้ามาเผาทำลายวัดของอาณาจักรอื่นๆ แต่พระองค์ตื้อไม่ได้รับความเสียหายเลย จึงเป็นที่ศรัทธากับชาวบ้านตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน 

หอวัฒนธรรมแห่งชาติ (หํวัดทะนะทำแห่งชาดหลวงพระบาง)

หอวัฒนธรรมแห่งชาติ (หํวัดทะนะทำแห่งชาด หลวงพระบาง )

                      ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ สร้างโดยเงินสนับสนุนของรัฐบาลจีนเมื่อปี พ.ศ. 2533 เป็นที่จัดการแสดงศิลปะการแสดงของลาว หลวงพระบาง  และประเทศเพื่อนบ้าน บางครั้งใช้เป็นหอประชุมสัมมนาในงานใหญ่ จนถึงการแสดงคอนเสิร์ต จากนักร้องลาวและต่างประเทศ ส่วนตารางการแสดงแล้วแต่ช่วงเวลา ซึ่งสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติลาว (พิพิดทะพันปะหวัดสาดแห่งชาดลาว)

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติลาว (พิพิดทะพันปะหวัดสาดแห่งชาดลาว-หลวงพระบาง) เวลาเปิด-ปิด 8-12.00,        13-16.00 น. ค่าเข้าชม 10,000 K

                      สำหรับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวอย่างเข้าใจในประเทศลาวให้ลึกซึ้งมากขึ้น ด้วยตัวอาคารของ  พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารเก่าหลังใหญ่ 2 ชั้น สร้างในปี พ.. 2463 สมัยอาณานิคมฝรั่งเศสใช้เป็นสำนักงานตำรวจ หลังจากนั้นถูกเปลี่ยนเป็นหอสมุดแห่งชาติ ปี 2518 มัยราชอาณาจักรลาว หลวงพระบาง  ต่อมาอีก 10 ปี   เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์การปฏิวัติชาวลาว และท้ายสุดรัฐบาลได้ปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติในปี พ.ศ. 2453 โดยจัดส่วนแสดงเป็นห้อง เริ่มต้นจากยุคก่อนการตั้งรกราก 7,000 ปีที่แล้ว มีร่องรอยการค้นพบซากกระดูกไดโนเสาร์ที่สะหวันนะเขต ยุคตั้งหลักแหล่งเมื่อ 2,000 ปี มีการขุดพบสำริดต่างๆ ไหหินที่เชียงขวางหินตั้งที่หัวพัน เป็นต้น ยุคอาณาจักรล้านช้าง จัดแสดงถึงความรุ่งเรืองในอดีต เช่น ร่องรอยเมืองโบราณที่เวียงคำ เมือง 300 วัดที่หาดทรายฟอง เมืองสุวรรณโคมคำที่ห้วยทราย จนถึงยุคที่นักสำรวจต่างชาติเข้ามาพบดินแดนแห่งนี้ สุดท้าย เป็นห้องจัดแสดงถึงยุคการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของขบวนการประเทดลาวจนได้รับชัยชนะ ถึงแม้เวลาบางช่วงขาดหายไป แต่ต้องยอมรับว่า ถึงเป็นเพียง  พิพิธภัณฑ์เล็กๆ แต่จัดแสดงได้ดีจนเกินคาด ทำให้เข้าใจประวัตศาสตร์ลาวที่เชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของประเทศ 

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

พระธาตุดำ (ทาดดำ) เวียงจันทน์

พระธาตุดำ (ทาดดำ)

                      ตั้งอยู่กลางวงเวียน ใกล้กับสถานทูตอเมริกา (หลวงพระบาง เก่า) ไม่ปรากฏหลักฐานเวลาก่อสร้างที่แน่ชัด คาดว่าสร้างในสมัยล้านนาหรือล้านช้างตอนต้น เดิมองค์พระธาตุถูกหุ้มด้วยทอง แต่ถูกลอกออกในสมัยสยามเข้ามายึดเวียงจันทน์ ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า ธาตุดำ มีตำนานเล่าว่า บริเวณองค์พระธาตุ หลวงพระบาง เป็นทางเข้าออกเมืองบาดาลที่พญานาค 7 เศียร มาช่วยเหลือชาวเมืองในสมัยสยามยกทัพมาตีเมืองหลวงพระบาง

ตลาดเช้า เวียงจันทน์

ตลาดเช้า ตั้งอยู่บนหัวถนนคูเวียง เดิมเป็นตลาดขายเครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับชาวเมืองหลวงพระบาง  แต่ด้วยทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง จึงมีการสร้างห้างสรรพสินค้าทันสมัยสูง 7 ชั้น มีอาคารจอดรถด้านบน เป็นแหล่งช๊อปปิ้งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวหลวงพระบางและชาวเมืองเวียงจันทน์เอง เชื่อมต่อกับตลาดเก่าที่ขายของที่ระลึก เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ด้านบนมีร้านขายของ (คนลาวเรียก “คำ”) ตั้งเรียงรายจำนวนมาก ผมเลือกทานอาหารเที่ยงที่ศูนย์อาหารชั้น 4 ของห้างฯ ดูทันสมัย สะอาด และมีอาหารให้เลือกมากเหมือนเมืองไทย ก่อนกลับลงมาซื้อแผ่นซีดีเพลงลาวฟังเพลินๆ ใช้สำหรับฝึกภาษาลาวในขณะเดินทาง สำหรับผู้ชื่นชอบการช๊อปปิ้ง ยังมีตลาดที่นิยมอีกแห่งคือ ตลาดจีน (ตลาดเย็น) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากจีนราคาถูกกว่าเล็กน้อย 

ทำเนียบประธานประเทศ (หํคำ) ชมได้เฉพาะภายนอก

ทำเนียบประธานประเทศ (หํคำ) ชมได้เฉพาะภายนอก
                      อยู่ติดกับหอพระแก้ว ตั้งอยู่สุดถนนล้านช้างหันหน้าไปทางประตูชัย สร้างในสมัยฝรั่งเศส เข้ามาปกครองลาว เพื่อใช้เป็นที่พักของข้าหลวงฝรั่งเศสชั้นผู้ใหญ่ ภายหลังลาว(หลวงพระบาง) ได้รับเอกราชมาเป็นราชอาณาจักรลาว ได้ใช้เป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์และศรีสว่างวัฒนาในเวลาที่เสด็จกรุงเวียงจันทน์ เมืองหลวงพระบาง พอภายหลังเปลี่ยนการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐ รัฐบาลได้ใช้เป็นบ้านพักรับรองและที่ประชุมสำหรับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงเคยเสด็จมาประทับหลังเสร็จพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ส่วนท่านผู้นำประเทศ ไม่ได้พำนักอยู่ในหอคำแห่งนี้